วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

จะมีอีกไหม... คนที่เหมือนเทอร์



ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง..
มีเพื่อนต่างเพศอยู่คู่หนึ่ง เป็นเพื่อนที่รักกันมาก

ฝ่ายชายจะเดินไปส่งฝ่ายหญิงที่บ้านเสมอทุกวัน

เวลาผ่านไป จนทั้ง สองอยู่ มหาวิทยาลัย

ฝ่ายหญิงเริ่มไปแอบชอบ ผู้ชายคนนึง และได้ถามเพื่อนชายว่า

"นี่ เธอ ว่า เค้าเหมาะกับเราไหม"

"เค้าก้อ หล่อดีนะ นิสัยก็ดีด้วย "

"เหรอ! อืม อยากให้เค้ามานั่งอยู่ข้างๆ เราจังเลยเนอะ"

ต่อมาไม่นาน หญิงสาวก็ได้เป็นแฟน กับผู้ชายคนนั้นจริงๆ

วันนึงหญิงสาวบอกกับ เพื่อนชายของตนว่า

"นี่ เธอ ไม่ต้องมาส่งเราทุกวันแล้วแหละ ตอนนี้เค้าจะมาส่งเราแล้ว

เราไม่อยากให้ เค้าเข้าใจ ผิดน่ะ"

"อืม" ฝ่าย ชายตอบรับ และเขาก็ไม่ได้ไปส่งหญิงสาวอีก

ต่อมาหญิงสาวเกิดทะเลาะกับแฟน ของตน

จึงมาปรึกษาเพื่อนชาย

ว่า

"เธอ! เด๋ว นี้เขาไม่ค่อยสนใจเราเลยแหละ

เธอว่า... เราจะทำอย่างไร ดีหล่ะ!"

"ก้อ เธอ ยังรักเค้าอยู่หรือป่าวหล่ะ" ฝ่ายชายถาม

"ก้อรักสิ และก้อรักมากด้วย"

"ถ้าอย่างนั้น ก็มอบความรักให้เขาต่อไปสิ ก้อเธอรักเค้านี่หน่า"

"อืม ม" หญิงสาวทำตามคำแนะนำของเพื่อนชาย

หลังจากนั้น ... วันหนึ่ง

ระหว่างที่เพื่อนชายหนุ่ม เดินกลับบ้าน เค้าเห็นหญิงสาว

นั่งร้องไห้อยู่ข้างทาง

"เธอ เป็น อะไรหน่ะ ทำไมถึงร้องไห้ มีอะไรให้เราช่วยไหม"

"เค้าไม่ รักเราเลยหล่ะ เขาเปลี่ยนไป

เด๋วนี้เขาไม่เคยมาส่งเรา ที่บ้านเลย"

"แล้วเราจะ ช่วยอะไรเธอได้บ้างหล่ะ"

"ช่วยอยู่ กับเราซักพักได้ไหม?" หญิงสาวร้องขอ

ก้อได้ซิ! ทำไมจะไม่ได้หล่ะ

ทั้งสองได้นั่งอยู่ด้วยกัน โดยไม่พูดจาอะไรกันเลย

ในที่สุดหญิงสาวก็เอ่ย ขึ้นมาว่า

"เราควรจะ ทำอย่างไรดี เธอจะช่วยบอกเราได้ไหม

ว่าเราควรจะทำอย่างไร

ดี"

"เธอยังรัก..เขาอยู่หรือป่าวหล่ะ"

"รักสิ เรา รักเค้ามากเลย"

"แต่เค้า ไม่รักเราเลยนี่หน่า" หญิงสาวร้องไห้โฮ

"แต่เธอก็รัก..เขาไม่ใช่เหรอ"

และชายหนุ่มก็ไปส่งหญิงสาว ที่บ้านอย่างที่เคยทำมาแต่ก่อน

"ถ้า เมื่อไหร่...ก็ตาม

ที่เธออยากให้เรามาส่งเธอที่บ้าน อย่าลืมเรียกเรา นะ"

"อืม" และ หญิงสาวก็เดินขึ้นบ้านไป



ต่อมาวันหนึ่งชายหนุ่มได้ รับโทรศัพท์จากหญิงสาว

"เราไม่ไหวแล้ว ช่วยมารับเราที"

เสียงของหญิงสาวดูช่าง อ่อนล้า และหมดกำลัง

เธอกำลังร้องไห้อย่างฟูมฟายอยู่

ชายหนุ่มได้ไปหาเธอและพาเธอมาส่งบ้าน

เธอยังคงถามชายหนุ่มนั้น เหมือนที่เคยถามมา ...

"เราจะทำอย่างไรต่อไปดี"

เราไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว..ดูยังไง ๆ เขาก็เหมือนไม่ได้รักเราเลย

"แล้วเธอเลิก รักเค้าแล้วเหรอ"

"ป่าว! เรา ยังรักเค้ามาก เรายังรักเขาอยู่เหมือนเดิม"

"งั้นก็ เหมือนที่เราเคยพูดไว้

จงรักเขาต่อไป..แม้มันจะเจ็บบ้างก็ตาม

เพราะมันไม่สำคัญหรอกว่า เขาจะรักเธอไหม..? แต่ถ้าเธอยังรักเขา

เธอก็คงทำได้แค่เพียงรักเขา...และจงรักเขาให้มากกว่าเดิม

เพื่อแสดงให้เขารู้ว่าเธอรักเขามาก และก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

มีแต่เพิ่มมากขึ้น"

อือ ม..แล้วหญิงสาวก็เดินขึ้นบ้านไป
และในที่สุดวันที่เธอเรียนจบก็มาถึง

เพื่อนชายหนุ่มของเธอมาแสดงความยินดีกับเธอ

เธอรู้สึกแปลกใจมาก ที่เพื่อนชายหนุ่มของเธอ ยังเรียนไม่จบ

เธอถามเขาว่า ทำไม..?

ชายหนุ่มตอบว่า เขาขี้ เกียจไปหน่อย

ทำให้เขาต้องเรียนซ้ำวิชา หนึ่งจึงยังเรียนไม่จบ

หญิง สาวแปลกใจ เพราะตลอดมา ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนขยัน

แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ..

และต่อมาไม่นานแฟนของหญิงสาว ก็ได้มาขอเธอแต่งงาน

เนื่องด้วยเห็นถึงความรัก ที่หญิงสาวมีให้

หญิงสาวจึงได้ไปชวนเพื่อนชาย เพื่อให้มางานแต่งของเธอ

"เราไม่ว่างจริงๆ เราติดธุระน่ะ!

ขอโทษด้วยนะ"



เพื่อนชายตอบเธอด้วยน้ำ เสียงแผ่วเบา

หญิงสาวโกรธและเสียใจที่ เพื่อนชายไม่ยอมมางานแต่ง จึงวางหูกระแทกไป

แต่หญิงสาวก็ต้องประหลาดใจ เมื่อวันที่เธอแต่งงาน

ชายหนุ่มได้มาปรากฎตัวก่อนที่งาน แต่งจะจบลง

"ยินดีด้วย นะ เรามาแล้วหล่ะ"

หญิงสาวดีใจมากที่เห็นเพื่อนชาย ของเธอมา

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม

เธอรู้สึกมีความสุขมาก ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมาไม่ได้

และเพื่อนชายก็พูดว่า เธอมีอะไรให้เราช่วยไหม..?

ยิ่งทำให้เธอร้องไห้หนักกว่าเดิม..

...........................

ต่อมาหญิงสาวก็มีความสุข กับชีวิตแต่งงานของเธอ

จนไม่มีเวลาได้ติดต่อกับเพื่อนชายอีกเลย

จนวันหนึ่งหญิงสาวได้ ทะเลาะกับสามีของตน

หญิงสาวไม่รู้จะไปปรึกษาใคร จึงนึกถึงเพื่อนชายขึ้นมา

แม้ว่าหญิงสาวจะโทรไปหาเท่าไหร่?

ก็ไม่สามารถติดต่อกับชายหนุ่มคนนั้นได้เลย

เขาจึงโทรไปหาเพื่อนของชายหนุ่มคนนั้น

เพื่อนของชายหนุ่มเล่า ว่า ชายหนุ่มเป็นโรคร้าย เขาไม่สามารถไปไหนได้

ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล... มาร่วมหลายเดือนแล้ว

หญิงสาวตกใจมาก ถามว่า..เขาเป็นอะไร?

เพื่อนชายหนุ่มบอกว่า อาการเขากำเริบ เพราะวันที่ชายหนุ่มต้องมาผ่าตัด

ชายหนุ่มดัน ...หายตัว ไปเฉย ๆ โดยไม่มีใครรุ้

และเพื่อนของชายหนุ่ม ก็ยังบอกอีก ว่า ..."มันเป็นนิสัยเสียของมันหน่ะ

มันชอบหายตัวไปไหนก็ไม่รู้ ในช่วงเวลาสำคัญๆ

คราวที่แล้วตอนสอบไล่ มันก็หายตัวไปจากห้องสอบเฉยเลย"

ไม่รู้มันหายไปไหน..ถามใคร ก็ไม่มีใครรู้

หญิงสาวตกใจมาก เลยขอที่อยู่ของโรงพยาบาลที่ชายหนุ่มรักษาตัว

หญิงสาวไปเยี่ยมชายหนุ่ม ที่โรงพยาบาล เมื่อเปิดประตูเข้าไป

ก็ต้อง ตกใจ ! ชายหนุ่มที่เคยดูแข็งแรง กับผอมซูบ ไม่มี แรง

เมื่อชายหนุ่มเห็นเธอก็ดีใจ ทักทาย

เธอเป็นการใหญ่

"เป็นอย่าง ไรมั่ง ไม่เจอกันตั้งนานเลยน่ะ"

หญิงสาวนิ่งเงียบซักพัก น้ำตาหญิงสาวก็ไหลออกมา

"อ้าวร้อง ไห้ทำไมหล่ะ เธอหน่ะ ไปทะเลาะกับแฟนมาอีกแล้วเหรอ

จะให้เราช่วยอะไรไหม...?

แต่เราก็คงจะแนะนำเธอ ได้เหมือนเดิมนะ"

หญิงสาวเข้าไปหาชายหนุ่ม แล้วก็บอกกับชายหนุ่มว่า



วันที่เธอ มารับเราเป็นวันสอบไล่เธอใช่ไหม..?"

ชายหนุ่มทำหน้าตกใจและไม่กล้าพูดอะไรทั้งสิ้น กลับนิ่งเงียบไป

หญิงสาวจึงพูด ต่อ...



"และวันที่ เธอต้องผ่าตัดใหญ่ เธอกลับมางานแต่งงานของเราใช่ไหม..?"

ชายหนุ่มไม่รู้จะพูดอะไร อีกแล้ว กลับนิ่งเงียบกว่าเดิม



หญิงสาวเข้าไปกอดชายหนุ่ม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ

"ตลอดเวลา เรารักแต่คนอื่น

มองแต่คนอื่นเรากลับไม่รู้เลยว่าเธอรักเรามากแค่ ไหน

เรารู้สึกเสียใจจริงๆ ที่ ไม่ได้รักเธอมากกว่านี้"

ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มแล้วก็บอก

กับหญิงสาวด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า



"เราบอกเธอ แล้วไง..ถ้าเรารักใครสักคน เราก็ต้องรักเขาให้มากๆ

และมากขึ้นกว่าเดิม

มันไม่สำคัญหรอก..ว่าเขาจะรักเราหรือไม่

มันสำคัญแค่เพียงว่า..เรายังรักเธออยู่หรือเปล่า

แค่เราสามารถช่วยเธอได้ นั่นมันก็เป็นความสุขของเราแล้ว

ต่อให้เราจะเจ็บสักแค่ไหน..เราก็ยังรักเธอต่อไป

และไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลง..



หญิงสาวรู้สึกเสียใจมาก นั่งร้องไห้โฮ...อยู่ที่ตักของชายหนุ่ม



ชายหนุ่มจึงพูด... ขึ้น ว่า



"ถ้าเราหาย เมื่อไหร่... เราจะไปส่งเธอที่บ้านอีกนะ"


** ยังมีผู้ชายที่เป็นแบบนี้อยู่ในโลกอีกมั้ยเน้อ **

Doraemon : โดเรม่อน

Doraemon : โดเรม่อน 


โดเรม่อน หรือโดราเอม่อน เป็นแมวหุ่นยนต์ในโลกอนาคต ยุคศตวรรษที่ 22 เกิดวันที่ 3 กันยายน 


พ.ศ. 2655 มีน้ำหนัก 129.5 กก. ความสูง 129.3 ซม. กระโดดได้สูง 129.3 ซม. และยังวิ่งได้เร็ว


ถึง 129.3 กม. / ชม. ลักษณะตัวอ้วนกลมสีน้ำเงิน ไม่มีใบหู เนื่องจากถูกหนูกิน ไม่มีนิ้วมือ มีกระดิ่ง


ห้อยคอสีเหลือง มีหนวดหกเส้น มีกระเป๋าหน้าสำหรับเก็บของวิเศษ สารพัดอย่างที่สุดยอด อาหารที่


ชอบที่สุดคือ แป้งทอด (โดรายากิ) สิ่งที่กลัวที่สุดคือ หนูๆ
Nobita : โนบิตะ 

โนบิตะ เป็นตัวละครหลักของเรื่อง เป็นเด็กผู้ชายขี้แยคนนึง เป็นคนไม่เอาถ่าน อ่อนแอ ไม่เคยพึ่งพา

ตนเอง เรียนหนังสือไม่เก่ง สอบได้ 0 บ่อยๆ มาโรงเรียนสายประจำ ถูกทำโทษบ่อยครั้ง ถือว่าเป็นตัว

ละครที่แย่มากๆ โนบิตะหลงรักชิซูกะ ซึ่งอยู่ในวัยเดียวกัน มีความหวังที่จะได้แต่งงานด้วยเมื่อเขาโตขึ้น 

แต่ก็มักจะมีอุปสรรค และมีคู่แข่งหลายคนเนื่องจากชิซูกะ เป็นเด็กน่ารัก และด้วยความอ่อนแอของโนบิ

ตะเอง แต่โนบิตะ ได้เพื่อนรักคือโดเรม่อนคอยช่วยเหลือ ทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น


Shizuka : ชิซูกะ 

ชิซูกะ เป็นนางเอกของเรื่อง จัดว่าเป็นตัวละครที่น่ารักมาก เป็นที่หมายปองของเด็กทั่วไป รวมทั้งโนบิ

ตะด้วย ซึ่งเขาหวังจะแต่งงานด้วยในอนาคต ชิซู

กะเป็นคนที่ตรงข้ามกับโนบิตะโดยสิ้นเชิง เธอเป็นคนเรียนเก่ง สอบได้คะแนนดีมาก ชอบดนตรี และสิ่ง

ที่ชอบมากที่สุดการได้อาบน้ำ ในอนาคตชิซู

กะได้แต่งงานกับโนบิตะจริงๆ แต่โนบิตะในอนาคต เป็นโนบิตะที่เป็นผู้ใหญ่มีความรับผิดชอบ และเป็น

คนดีจริงๆ สำหรับชิซูกะ
Zuneo : ซูเนโอะ 

ซูเนโอะ เป็นตัวละครที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะเจ้าเล่ห์ คล้ายๆ สุนัขจิ้งจอก ปากแหลม ชอบยุให้ไจแอ

นท์ รังแกโนบิตะ ซูเนโอะเป็นคนที่ชอบคุยโว

โอ้อวด เนื่องจากเป็นคนมีฐานะร่ำรวย สิ่งที่เพื่อนๆ อยากได้ เขามีครบทุกอย่าง มักมีของแพงๆ มาอวด

เพื่อนๆ มีญาติพี่น้องที่ค่อนข้างฐานะดี มีชื่อเสียง 

มักจะหาเรื่อง

แกล้งโนบิตะบ่อยๆ เนื่องจากเขาเองก็หลงรักชิซูกะด้วยเหมือนกัน

Dekizugi : เดคิซูกิ ไจแอน
ดคิซูกิ เป็นตัวละครที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ตรงกันข้ามกับโนบิตะโดยสิ้นเชิง รูปหล่อ เรียนเก่ง ขยัน 

อุปนิสัยดี เป็นที่หมายปองของเด็กหญิงทั่วไป เดคิ

ซูกิ ชอบมาติวหนังสือให้กับชิซูกะเสมอ ทำให้โนบิตะต้องอิจฉา นอกจากนี้เขายังเป็นนักกีฬาและเป็น

ที่รักของคนทั่วไปอีกด้วย แต่บทบาทของเขาจะ

น้อยกว่าโนบิตะมาก
Dorami : โดเรมี
โดเรมี หุ่นยนต์น้องสาวของโดเรม่อน โดเรมีถูกสร้างขึ้นมาทีหลังโดเรม่อน ถือว่าเป็นรุ่นใหม่กว่า ทำให้

มีประสิทธิภาพมากกว่าโดเรม่อน โดเรมี จะมีตัว

สีเหลือ หูสีแดง มีกระเป๋าเก็บของวิเศษเหมือนโดเรม่อน แต่มีประสิทธิภาพมากกว่า โดเรมีจะอยู่ในโลก

อนาคตมากกว่า ไม่ค่อยปรากฏในโลกปัจจุบัน 

ยกเว้นในกรณีเหตุการณ์คับขัน ที่โดเรม่อนไม่สามารถแก้ไขได้ โดเรมีก็จะมาคอยช่วยเหลือเสมอๆ


Doraemon : โดเรม่อน 

วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2512 เป็นวันที่เริ่มต้นพิมพ์หนังสือการ์ตูนเรื่อง "Doraemon" ในประเทศ

ญี่ปุ่น โดยจินตนาการของนักเขียนชาวญี่ปุ่นสองคน ที่

ใช้นามปากการ่วมกัน ว่า ฟูจิโกะ ฟุจิโอะ โดยตัวการ์ตูนจะเป็นเรื่องราวของหุ่นยนต์ในโลกอนาคต 

ศตวรรษที่ 22 ซึ่งจินตนาการให้เป็นแมวตัวกลมๆ มี

ความสามารถพิเศษ และกระเป๋าวิเศษที่บรรจุของมากมาย จุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือเด็กผู้ชาย ที่ขี้แย 

ไม่เอาไหน คนนึง และสอดแทรกคติธรรม

เข้าไป ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก
ประวัติอย่างละเอียด

Doraemon : โดเรม่อน
วัน ที่ ธันวาคม พ.ศ. 2512 เป็นวันที่เริ่มต้นพิมพ์หนังสือการ์ตูนเรื่อง "Doraemon" ในประเทศญี่ปุ่น โดยจินตนาการของนักเขียนชาวญี่ปุ่นสองคน ที่ใช้นามปากการ่วมกัน ว่า ฟูจิโกะ ฟุจิโอะ โดยตัวการ์ตูนจะเป็นเรื่องราวของหุ่นยนต์ในโลกอนาคต ศตวรรษที่ 22 ซึ่งจินตนาการให้เป็นแมวตัวกลมๆ มีความสามารถพิเศษ และกระเป๋าวิเศษที่บรรจุของมากมาย จุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือเด็กผู้ชาย ที่ขี้แย ไม่เอาไหน คนนึง และสอดแทรกคติธรรมเข้าไป ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก

ชื่อโดราเอมอน มาจากคำว่า...โดราเนโกะ แปลว่า แมวหลงทาง เอมอน เป็นคำเรียกต่อท้ายชื่อของเด็กชายในสมัยก่อน โดราเอมอน เกิดขึ้นโดยความบังเอิญในขณะที่ นักเขียนการ์ตูนชื่อฮิโรชิ ฟูจิโมโต และโมโตโอะ อาบิโกะขณะที่กำลังจินตนาการ สร้างการ์ตูนตัวใหม่ด้วยความลำบาก และกดดัน เนื่องจากเหลือเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงจะถึงกำหนดส่งต้นฉบับ บังเอิญเหลือบเห็นตุ๊กตาของลูกสาว ทำให้นึกต่อไปถึงตุ๊กตา แมว ล้มลุก และกลายเป็นโดราเอมอนในที่สุด

การ์ตูนเรื่องโดเรม่อน มีจุดเด่นในเรื่องของจินตนาการ สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ในโลกอนาคต ที่ผู้อ่านทั่วไปคาดไม่ถึง จากปลายปากกาของ อ. ทั้งสอง ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมทั้งสอดแทรกศิลปะวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเข้าไปในตัวการ์ตูน แบ่งลักษณะนิสัยของคนออกมาในแต่คาแร็คเตอร์ได้อย่างลงตัว เหมือนกับนำเอาชีวิตจริงของผู้อ่านเข้าไปเกี่ยวข้องกับการ์ตูนด้วย ดังนั้นการ์ตูนเรื่องนี้จึงเป็นที่นิยม อ่านได้ทุกเพศทุกวัย จนทำให้มีการพิมพ์การ์ตูนเรื่องนี้มากมาย สามารถขายได้ถึง 100 ล้านเล่มใน ญี่ปุ่น และแปลเป็นภาษาต่างๆ ทั่วโลก ถึง ภาษา รวมทั้งภาษาไทยอีกด้วย นอกจากการ์ตูนแล้ว โดเรม่อน ถูกสร้างออกมาเป็นภาพยนต์ทางจอเงิน และจอแก้วมากมายหลายตอน โดยฉายครั้งแรกที่ฮ่องกง เมื่อปี พ.ศ. 2524 และฉายที่ประเทศไทยเราครั้งแรก วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2525
ของวิเศษที่โดเรม่อนใช้บ่อยๆ

คอปเตอร์ไม้ไผ่
คัปเตอร์ ไม้ไผ่ ทำจากไม้ไผ่ ชื่อภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "Take (ไม้ไผ่) Koputa (คัปเตอร์) " เมื่อจะใช้ก็นำไปวางไว้บนหัวจะทำให้สามารถบินได้ เป็นเครื่องมือที่โนบิตะและโดราเอม่อนใช้เกือบทุกตอนเพราะใช้งานง่ายและไม่ ค่อยมีอันตราย สามารถบินได้ในระยะทาง 600 กม. และความเร็วประมาณ 80 กม.ต่อชม. เช่นสามารถใช้บินจากโตเกียวถึงโอซาก้าในเวลาประมาณครึ่งชม.
ประตูสารพัดสถานที่
หาก เปิดประตูนี้ออกแล้วพูดชื่อว่าจะไปที่ไหนประตูก็จะเปิดออกไปยังสถานที่นั่น ทันที ประตูเป็นประตูไม้ในแบบโบราณ เป็นเครื่องมือที่สะดวกสบายที่สุด ของวิเศษชิ้นนี้ถูกใช้บ่อยๆ ทำให้เราได้เห็นสถานที่ต่างๆ ในการ์ตูนได้มากมายหลายที่ ตามจินตนาการ
ไฟฉายย่อส่วน
รูป ร่าง และวิธีใช้คล้าย ๆ กับไฟฉายทั่ว ๆ ไป ใช้สำหรับย่อสิ่งของหรือขยายสิ่งของให้ใหญ่หรือเล็กก็ได้ มีประโยชน์มาก และโดเรม่อนก็นำมาใช้บ่อยๆ อีกด้วย

ไทม์แมชชีน
เครื่องทาม์แม็ค ชีนเป็นพาหนะที่สามารถใช้เดินทางย้อนเวลาไปอดีต หรือ เดินทางข้ามเวลาไปสู่อนาคตได้ โดยทางเข้าและทางออกจะอยู่ในลิ้นชักโต๊ะในห้องนอนของโนบิตะ โดราเอม่อนและเพื่อนๆ สามารถใช้เดินทางไปอนาคตได้ แต่ว่าเครื่องนี้ก็ไปส่งผิดที่ผิดเวลาบ่อย ๆ
ตอนจบ โดเรมอนว่ากันว่ามีสองแบบ

วัน หนึ่ง ซึ่งเป็นวันธรรมดาทั่ว ๆ ไป โนบิตะกลับมาจาก โรงเรียน ขึ้นไปยังห้องนอน และพบโดเรมอนกำลังนอน หลับอยู่เหมือนปกติ นี่ ! โดเรมอน ตื่นมาเล่นกันเถอะ แต่โดเรมอนก็ยังหลับอยู่ โนบิตะคิดว่าโดเรมอนคงเหนื่อยมาก จึงปลุกไม่ตื่น ดังนั้นโนบิตะจึงออกไปเล่นกับ ชิซูกะ และ เพื่อนคนอื่น หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงโนบิตะกลับมายังบ้าน แต่โดเรมอนก็ยังหลับอยู่ โนบิตะรู้สึกแปลกใจ และพยายามปลุกโดเรมอนแต่ก็ไม่ปฎิกริยาใด ๆ ทั้งสิ้นจากโดเรมอน โนบิตะเริ่มรู้สึกกลัวและเหนื่อยที่จะปลุกโดเรมอน โนบิตะพยายามทำทุกอย่างแต่โดเรมอนก็ไม่ยอมตื่น โนบิตะรู้แล้วว่า มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปและมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โนบิตะเริ่มร้องไห้โฮแต่โดเรมอนก็ไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว และแล้วโนบิตะก็คิดอะไรขึ้นมาได้ อย่าง และกระโดดเข้าไปในโต๊ะที่มีไทม์แมชชีน และ โนบิตะก็ได้ไปในอนาคตเพื่อที่จะพบโดเรมีน้องสาวของโดเรมอน โนบิตะขอร้องให้โดเรมีช่วยและฝืนใจโดเรมีให้กลับมาในปี 1998 หลังจากที่มาถึง โดเรมีก็ได้เข้าไปตรวจสอบในตัวโดเรมอนว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นไม่กี่นาที โดเรมีก็บอกโนบิตะว่า แบตเตอร์รี่หมดโนบิตะถูกทำให้เชื่อว่าเป็นเช่นนั้นและถามโดเรมีเพื่อความแน่ ใจอีกครั้งว่า
แบตเตอรี่หมดหรือ อย่างงั้นโดเรมอนก็ไม่เป็นไรสิ ใช่ไหมถ้างั้น ช่วยเปลี่ยยแบตเตอร์รี่ใหม่ให้หน่อยทำให้โดเรมอนกลับมามีชีวิตเหมือนเดิม โดเรมีมองมาที่โนบิตะ และสั่นหน้า แล้วพูดว่าฉันควรจะเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ใหม่หรือ โนบิตะจึงถามกลับว่า ทำไมโดเรมีจึงพูดอย่างนั้น โดเรมีจึงตอบ ว่า แบตเตอร์รี่หลักของโดเรมอนอยู่ตรงนี้ ใกล้กับกระเป๋าและก็ถูกใช้หมดแล้ว แต่จริง ๆ แล้วก็ยังมีแบตเตอร์รี่สำรองอยู่ที่หูแต่อย่างทีรู้ ๆ กันอยู่ว่า หูทั้งสองข้างของโดเรมอนถูกหนูกินไปเมื่อหลายปีก่อนดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีแบ ตเตอรรี่สำรอง โนบิตะ จึงถามโดเรมี เธอหมายความว่าไงน่ะ ฉันหมายความว่า ถ้าฉันเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ใหม่โดเรมอนจะสูญเสียความจงจำทั้งหมดเกี่ยวกับโนบิ ตะตลอดกาล แล้วฉันควรจะเปลี่ยนหรือ อะไรนะ โนบิตะปิดตาแล้วก็ร้องไห้ แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที โนบิตะก็หยุดร้อง และพูดเบา ๆ กับโดเรมีว่า ขอบคุณมาก ผมจะจัดการส่วนที่เหลือเอง เธอควรจะกลับไปยังอนาคตได้แล้วโดเรมีไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ก็เข้าไปกอดโนบิตะ แล้วโดเรมีก็ลาโนบิตะกลับบ้าน หลังจากที่โดเรมีกลับไปแล้ว โนบิตะก็อุ้มโดเรมอนไปไว้บนชั้น

---- หลายปีผ่านไป------------

ใน ปี 2010 โนบิตะโตเป็นผู้ใหญ่ ตั้งแต่วันนั้น โนบิตะก็เปลี่ยนแปลงและเรียนหนังสืออย่างหนัก และก็ไม่เคยร้องไห้อีก และเขาอยู่โดยไม่มีโดเรมอนโนบิตะบอกชิซูกะ และ เพื่อนๆ ทั้งหลายว่า โดเรมอนต้องกลับไปยังอนาคตและไม่สามารถมา พบเพื่อน ๆ ทั้งหลายได้อีกแล้วชิซูกะประทับใจในตัวโนบิตะที่มีความเปลี่ยนแปลง และต่างจากเมื่อ 10 ปีก่อนอย่างสิ้นเชิงและทั้งสองก็รักกัน แล้วแต่งงานกัน โนบิตะเป็นนักวิทยาศาสตร์และทำห้องของเขาเป็นห้องทดลอง และเขาก็ได้ตั้งใจทำงานอย่างหนักในงานของเขาและห้ามไม่ให้ชิซูกะ เข้ามายังห้องทดลอง และแล้ววันหนึ่งโนบิตะก็เรียกให้ชิซูกะเข้ามายังห้องทดลอง และมันเป็นครั้งแรกที่ชิซูกะเข้ามายังห้องของสามีของเธอในขณะที่เธอเข้ามา ยังห้อง เธอถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเธอเห็นโดเรมอนเพื่อนเก่าของเธอที่เคยเล่นด้วย กัน ในตอนที่ยังเป็นเด็กโดเรมอนไม่ขยับ และ เหมือนกับกำลังหลับ ดูนี่! ชิซูกะผมจะเสียบปลั๊กแล้วนะโนบิตะเปิดสวิตช์หลัก บนตัวของโดเรมอน โดเรมอนค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเป็นเป็นช่วงที่ ทำให้เข้าใจได้ว่าใครเป็นผู้ที่คิดค้นโดเรมอนขึ้นมาซึ่งก็คือโนบิตะนั่นเอง เขาเรียนอย่างหนัก เพื่อที่ว่าจะได้พบ และพูดคุย กับโดเรมอนเพื่อนรักของเขา ที่มารู้จักกัน แล้วก็จากไป

โนบิตะเป็นผู้หนื่งที่ได้สร้างโดเรมอน ขึ้นมาเขาคิดค้นโปรแกรม และโครงสร้างทั้งหลาย สำหรับหุ่นยนต์โดเรมอน โนบิตะและชิซูกะร้องไห้อย่างเงียบ ๆ โดเรมอนก็ลืมตาขี้น และก็พูดว่า โนบิตะนายทำการบ้านเสร็จแล้วหรือ มันเหมือนกับมี ก้อนเมฆสีขาวก้อนเดิม อยู่บนท้องฟ้าช่างเหมือนกับเวลาแห่งความทรงจำในอดีต ที่พวกเขามีร่วมกัน
ตอนจบของโดเรม่อน แบบที่ 2
ตอน จบของเรื่องที่อาจารย์ ฟูจิโกะ และฟูจิโอะร่างไว้เป็น ตอนจบจริงๆของ โดเรมอนไม่ใช่ โดเรมอน กลับอนาคตหรอก... จริงๆแล้วของ original ที่ อ.ฟุจิโกะ เขียนเป็น story board ไว้ก่อนที่จะอ.จากไป วันหนึ่ง ฉากในโรงพยาบาล โนบิตะตื่นขึ้นมา และเจอพ่อกับแม่และเพื่อนๆ ครบทุกคนยืนอยู่รอบเตียง แล้วโนบิตะก็ถามถึงโดเรมอน ทุกคนกลับปฎิเสธว่า ไม่รู้จักและบอกโนบิตะว่า โนบิตะหลับมานานเป็นปีแล้วเนื่องจากไม่สบาย และโนบิตะก็นึกย้อนถึงเรื่องราวเกี่ยวกับโดเรมอน ทั้งการผจญภัยต่างๆ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงความฝันเท่านั้นโดเรมอน เซวาสึ โดเรมี ล้วนเป็น ความฝันของเขาทั้งสิ้น โนบิตะเป็นเด็กที่ไม่แข็งแรง และไม่มีเพื่อนรักที่ จะอยู่ด้วย เขาต้องนอนโรงพยาบาลตลอดเวลาและเขาก็หลับไป ฉากต่อมา เริ่มที่ พ่อแม่และเพื่อนๆของโนบิตะร้องไห้กันอยู่ในงานศพของ โนบิตะ..เขาจากไปก่อนวัยอันควร..และเรื่องราวทุกอย่างก็จบลง ที่โนบิตะฝันถึงโดเรมอนและอนาคตนั้นเป็นเพราะเขารู้ดีว่า เขาจะต้อง ตายในอีกไม่นาน เขาจึงอยากที่จะมีอนาคตมีเพื่อนรัก มีการผจญภัยสนุกสนาน แต่ฝันของเขาก็ไม่มีวันเป็นจริง... ตลอดไป......
ตอนนี้เป็นเพียงตอนที่ยังไม่ตกลงว่าจะออกพิมพ์หรือทำเป็นภาพยนตร์การ์ตูน แต่อย่างใด เพราะคงไม่มีใครอยากให้จบแบบนี้
ประวัติผู้แต่งประวัติย่อของ อ. ฟูจิโกะ ฟุจิโอะ
ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ เป็นนามปากการ่วม ของ อ. ทั้งสองท่านที่เขียนการ์ตูนเรื่องนี้ คือ

อ. ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ เกิด ธันวาคม 2476 ณ เมือง ทาคาโอกะ โทยามะ
อ. อาบิโกะ โมโตโอะ เกิด 10 มีนาคม 2477 ณ เมือง ไฮโอมิ โทยามะ
อาจารย์ ทั้งสอง รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ซึ่งทั้งสองมีความสนใจในงานเขียนการ์ตูนมาก และได้เขียนการ์ตูนในงานส่งอาจารย์ร่วมกัน จึงกระทั่งถึงชั้นมัธยมศึกษา

ใน ปีพ.ศ.2495 ท่านทั้งสองได้เปิดตัวหนังสือการ์ตูนเล่มแรกชื่อ "เทนชิโนะ ทามาซัง" สู่สาธารณะชน และเริ่มใช้นามปากกา "ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ"
ในปี พ.ศ.2497 ได้ย้ายไปอยู่ที่กรุงโตเกียว หลังจากนั้น ปี ท่านทั้งสองก็ได้ร่วมกับนักเขียนการ์ตูนท่านอื่น (ฟูจิโอะ อาคัสซูกะ และ ไซโอทาโร่ อีชิโมริ)เปิดบริษัทชื่อ 'ชินแมงกาโตะหลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่ม ทำการ์ตูนเคลื่อนไหว และ ได้จัดทำ 'สตูดิโอ-ซีโร่'
ในปีพ.ศ.2506 และในปีต่อมา การ์ตูนเรื่อง "โอเบเกะโนะ คิวทาโร่ (ผีน้อยคิวทาโร่)"ที่ใช้นามปากกา "ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ" ก็มีชื่อเสียง และ เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
ท่านอาจารย์ได้เขียนการ์ตูนอย่างจริงจัง จนในที่สุดก็เป็นที่รู้จักกันไปทั้วโลก และ ได้รับรางวัล หลายรางวัลจากการ์ตูนของแก ตัวอย่างการ์ตูนที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายได้แก่ "นินจาฮาโตริปาแมนยูเมโบชิ เดงกะมาทาโระกาคูรุศาสตราจารย์กอล์เฟอร์ ซารุ และ โดเรม่มอน

ประมาณ สิ้นปีพ.ศ.2530 ท่านอาจารย์ทั้งสองก็ได้แยกตัวอิสระและใช้นามปากกาของตัวเอง โดยอาจารย์อ.อาบิโกะ โมโตโอะ ได้ใช้นามปากกา Fujiko Fujio (A) ส่วนอาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ได้เปลี่ยนมาใช้ Fujiko Fujio(F) และ ภายหลังเปลี่ยนมาใช้ Fujiko F. Fujio

ท่านอาจารย์อ.อาบิโกะ โมโตโอะ ได้เสียชีวิต ในปีพ.ศ.2531
ส่วนท่านอาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ได้เสียชีวิต ในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ.2539